แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า รับอุทธรณ์ข้อ 2.1 ของจำเลย ส่วนอุทธรณ์ข้ออื่นเป็นการอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2523มาตรา 54 จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.2 และข้อ 2.3 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โดยอุทธรณ์ข้อ 2.2 เป็นปัญหาว่าการที่ศาลแรงงานกลางนำ ข้อกฎหมายในทางอาญามาปรับกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ซึ่งเป็น คดีแพ่ง ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณา คดีแรงงาน พ.ศ. 2523 มาตรา 31 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 และอุทธรณ์ข้อ 2.3 เป็นปัญหาว่าคดีโจทก์เป็น กรณีพิพาทมูลคดีทางปกครอง มิใช่คดีแรงงาน โปรดมีคำสั่ง ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยดังกล่าวด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 74)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาว่า ให้จำเลยรับโจทก์เข้าทำงานต่อไป ในอัตราค่าจ้างที่ได้รับในขณะที่เลิกจ้างพร้อมสวัสดิการเดิม โดยให้นับอายุงานต่อเนื่อง และให้จำเลยชำระค่าจ้างในระหว่าง ที่จำเลยสั่งพักงานโจทก์จนถึงเวลาที่จำเลยเลิกจ้างจำนวน 40,208 บาท และเงินโบนัสจำนวน 26,880 บาท
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 65)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 69)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยข้อ 2.2 นั้นเป็นการอุทธรณ์ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ชอบแล้ว ส่วนอุทธรณ์ข้อ 2.3 นั้น อธิบดีผู้พิพากษาศาลแรงงานกลางมีคำวินิจฉัยแล้วว่าเป็นคดีแรงงาน ดังนั้นคำวินิจฉัยดังกล่าวจึงเป็นที่สุดตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 9 วรรคสองศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ข้อนี้ด้วยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ให้ยกคำร้อง