แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษจำเลยโดยลงโทษหนักกว่าศาลชั้นต้นซึ่งควรจะได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาอีกครั้งหนึ่ง เห็นว่า จำเลยมิได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อว่าประเด็นใดที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ชอบ หรือขัดต่อข้อกฎหมายอย่างไร ทั้งมิได้คัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ชอบอย่างไรจึงไม่เป็นฎีกาคัดค้าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และมาตรา 216จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า แม้ว่าจำเลยจะไม่ได้ระบุข้อเท็จจริงโดยย่อ ไว้ในฎีกา แต่จำเลยก็ได้อ้างข้อกฎหมายอ้างอิงในกรณีที่ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้ไขคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ลงโทษ มากขึ้นสมควรที่ศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยอีกครั้งหนึ่ง โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 38)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 วรรคแรก,72 วรรคสอง ที่แก้ไขแล้วจำคุก 2 ปี และปรับ 40,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท โทษจำคุก ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 6 เดือนไม่รอการลงโทษ ไม่ปรับ และไม่จ่ายสินบนนำจับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 28)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 36)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ศาลชั้นต้นยกขึ้นอ้าง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง