แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำนวน 104ตารางวา โดยจะแบ่งแยกที่ดินจากที่ดินผืนใหญ่เป็นที่ดินแปลงย่อย4 แปลง มีเนื้อที่แปลงละ 26 ตารางวา ต่อมาเมื่อแบ่งแยกแล้วปรากฏว่าที่ดินทั้งสี่แปลงมีเนื้อที่แปลงละ 24 ตารางวาคงขาดเนื้อที่ดินไปแปลงละ 2 ตารางวา รวม 8 ตารางวา ถือว่าผู้ขายคือจำเลยส่งมอบที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายขาดตกบกพร่องโจทก์ต้องฟ้องคดีให้จำเลยรับผิดในการแบ่งแยกที่ดินให้โจทก์อีก 8 ตารางวา หรือชดใช้เงินแทนภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาส่งมอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 467
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินจำนวน104 ตารางวา จากที่ดินจำนวน 565 ตารางวา ของโฉนดเลขที่ 84343แก่โจทก์ โดยจะแบ่งขายเฉพาะส่วนที่ติดถนนสุขาภิบาล 1 แบ่งเป็น4 แปลง แปลงละ 26 ตารางวา ในราคา 900,000 บาท จำเลยได้ขอแบ่งแยกที่ดินออกจากโฉนดเลขที่ 84343 รวม 8 โฉนด คือโฉนดเลขที่ 157688ถึง 157695 ต่อมาจำเลยได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่157690 ถึง 157693 รวม 4 โฉนดเนื้อที่โฉนดละ 24 ตารางวา ให้แก่โจทก์ขาดไปโฉนดละ 2 ตารางวา และที่ดินไม่ได้อยู่ติดกับถนนสุขาภิบาล 1เมื่อโจทก์ทักท้วงจำเลยได้ตกลงว่าจำเลยจะแบ่งแยกที่ดินกว้าง2 เมตร ยาว 16 เมตร ด้านทิศตะวันตกของที่ดินโฉนดเลขที่157694 โอนให้แก่โจทก์แทน และจำเลยจะแบ่งแยกที่ดินด้านติดถนนสุขาภิบาล 1 จำนวน 42 ตารางวา จากที่ดินโฉนดเลขที่ 84343โอนขายให้แก่โจทก์ในราคา 400,000 บาท โดยรับว่าจะทำการแบ่งแยกและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ให้เสร็จภายในปี 2527ครั้นต้นเดือนธันวาคม 2527 จำเลยแจ้งโจทก์ว่าได้ดำเนินการขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงนั้นแล้วและจะขอรับเงินค่าที่ดินจำนวน 400,000บาท โจทก์เชื่อถือจำเลยจึงจ่ายเงิน 400,000 บาท ให้แก่จำเลยรับไปแต่จำเลยก็ไม่ได้ขอแบ่งแยกโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงนั้นให้โจทก์ขอให้จำเลยจดทะเบียนแบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 8 ตารางวาจากที่ดินโฉนดเลขที่ 157694 และจำนวน 42 ตารางวา จากที่ดินโฉนดเลขที่ 84343 ให้แก่โจทก์ด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยเองหากจำเลยไม่ดำเนินการตามที่กล่าวก็ให้ถือคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาหากจำเลยไม่สามารถจดทะเบียนแบ่งแยกและโอนกรรมสิทธิ์ได้ก็ให้ชดใช้เงิน 82,062 บาท และ 435,260 บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า การจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้งสี่โฉนดตามฟ้องได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2526ที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในเนื้อที่ดินที่ขาดตกบกพร่องจึงขาดอายุความ 1 ปี นับแต่เวลาส่งมอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 25เมษายน 2526 จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้แก่โจทก์จำนวน 104 ตารางวา ราคา 900,000 บาท ชำระราคาในวันทำสัญญาจำนวน 50,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 850,000 บาท จะชำระในวันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะแบ่งแยกที่ดินดังกล่าวจากโฉนดเลขที่ 84343 ตำบลคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครและจะดำเนินการแบ่งแยกเป็นที่ดินแปลงย่อย 4 แปลง มีเนื้อที่แปลงละ 26 ตารางวา ต่อมาเมื่อแบ่งแยกเสร็จแล้วได้โฉนดที่ดินเลขที่ 157690 ถึง 157693 แต่ปรากฏว่าที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าวมีเนื้อที่แปลงละ 24 ตารางวา คงขาดเนื้อที่ดินไปแปลงละ 2 ตารางวารวม 8 ตารางวา จำเลยได้ส่งมอบที่ดินทั้ง 4 แปลง ให้แก่โจทก์โดยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2526 ประเด็นแรกที่จะต้องวินิจฉัยมีว่าคดีโจทก์ในส่วนที่เรียกร้องให้จำเลยส่งมอบที่ดินอีก 8 ตารางวา ให้แก่โจทก์นั้นขาดอายุความหรือไม่ กรณีนี้ถือว่าผู้ขายคือจำเลยส่งมอบที่ดินซึ่งเป็นทรัพย์ที่ซื้อขายขาดตกบกพร่องและโจทก์ซึ่งเป็นผู้ซื้อได้ทราบถึงความบกพร่องนั้นแล้วในวันที่ 17 สิงหาคม 2527 ซึ่งเป็นวันที่รับโอนที่ดินโจทก์ต้องฟ้องคดีให้จำเลยรับผิดภายในกำหนด 1 ปี นับแต่เวลาส่งมอบแต่โจทก์เพิ่งฟ้องคดีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2529 พ้นกำหนด1 ปีแล้ว คดีโจทก์ในส่วนนี้จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 467
พิพากษายืน