คำสั่งคำร้องที่ 2857/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 และมิได้คำรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ จึงไม่รับฎีกาจำเลย คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ที่ว่า หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์และจำเลยเป็นการแปลงหนี้มาจากสัญญาซื้อขายน้ำมัน หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 83,84) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยในฐานะทายาทโดยธรรมของ นางลำพึง ภักดี ชำระเงิน 109,286 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 101,700 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2537) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ทั้งนี้จำเลยไม่จำต้องรับผิด เกินไปกว่าทรัพย์มรดกของนางลำพึง ภักดี ที่ตกทอดได้แก่จำเลย ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 79) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงว่า หนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินระหว่างโจทก์และนางลำพึง ภักดี เป็นการแปลงหนี้ใหม่มาจากหนี้ซื้อขายน้ำมัน แต่จำเลยฎีกาว่า ไม่มีพยานหลักฐานใด แสดงว่าหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงินเป็นการแปลงหนี้ใหม่ มาจากหนี้ซื้อขายน้ำมันเป็นการฎีกาโต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share