คำสั่งคำร้องที่ 2810/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของ จำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง และผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษาคดีในศาลชั้นต้น มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาจำเลยที่ว่า จำเลยเป็นผู้ครอบครองกัญชาหรือไม่ และจำเลยครอบครองกัญชาไว้เพื่อ จำหน่ายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้ รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 67)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4,7(5),8,26,76 วรรคสอง,102 ที่แก้ไขแล้ว ประกาศ กระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 2(พ.ศ. 2522) เรื่อง ระบุชื่อและประเภทยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ลงวันที่ 17 กันยายน 2522 ข้อ 4(1) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือนฐานมีกัญชาไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 4 ปีรวมจำคุก 4 ปี 6 เดือน ริบอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน และกัญชาของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ข้อหามีกัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ให้จำคุก 3 ปี รวมโทษแล้ว เป็นจำคุก 3 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไป ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย(อันดับ 64)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี 6 เดือนศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นจำคุกจำเลย 3 ปี 6 เดือนโดยไม่แก้บทลงโทษ แก้เพียงโทษที่ลง เป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพียงเล็กน้อย คู่ความจึงต้องห้าม ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้ ครอบครองกัญชา และมิได้ครอบครองกัญชาเพื่อจำหน่าย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาลอุทธรณ์ภาค 3จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยชอบแล้ว
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยยังมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาอื่นที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3 อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้อีกนั้น จำเลยชอบที่จะยื่นเสียภายในอายุความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2537 จำเลยมายื่นคำร้องขอให้ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับรองเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2537 จึงเกินหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่าน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้จำเลยฟัง ต้องห้าม ตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว จึงให้ยกคำร้อง

Share