แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าคำฟ้องอุทธรณ์เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ที่ว่า โจทก์พ้นจากการเป็น ลูกจ้างของจำเลยเนื่องจากโจทก์ขอลาออกหรือจำเลย เลิกจ้างโจทก์ เป็นสาระสำคัญแก่คดีสมควรที่จะได้รับ การวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งรับอุทธรณ์ ของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 64)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย เป็นเงิน 12,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2536 เป็นต้นไป สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นเงิน 12,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536) เป็นต้นไป ค่าจ้างค้างเป็นเงิน 3,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ สิบห้าต่อปีนับแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2536 เป็นต้นไป และเงินสะสมจำนวน 800 บาท พร้อมดอกเบี้ย อัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง(วันที่ 15 พฤศจิกายน 2536) เป็นต้นไปจนกว่า จะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่ง ไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 56)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 59)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลย ไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจ การรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงาน และวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54ที่ศาลแรงงานกลางสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยนั้นชอบแล้วให้ยกคำร้อง