คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้นชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาแต่งตั้งโจทก์เป็นตัวแทนในการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การซื้อขายแต่ละครั้งจำเลยจะต้องเสียค่าธรรมเนียมโจทก์ได้ออกเงินทดรองซื้อหุ้นแทนจำเลยไป และจำเลยสั่งให้โจทก์ขายหุ้นที่ซื้อดังกล่าวบางส่วน เมื่อหักค่าธรรมเนียมการขายจากตั๋วสัญญาใช้เงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย เงินปันผลจากการซื้อหุ้น จำเลยยังเป็นหนี้โจทก์ 1,563,588 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายเงินดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ย

ก่อนจำเลยยื่นคำให้การ ศาลมีคำสั่งเรียกเอกสารที่โจทก์อ้างว่าจำเลยสั่งซื้อหุ้นต่อศาลภายใน 5 วัน ตามที่จำเลยยื่นคำร้อง และโจทก์ไม่ส่ง

จำเลยให้การว่า ทำสัญญากับโจทก์จริง แต่จำเลยไม่เคยตกลงกับโจทก์ในเรื่องค่าธรรมเนียมการซื้อขายและเรื่องดอกเบี้ย จำเลยไม่เคยสั่งให้โจทก์ซื้อขายหลักทรัพย์ตามฟ้อง หากฟังว่าสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาตั้งโจทก์เป็นตัวแทน โจทก์ไม่มีหลักฐานคำสั่งซื้อขายของจำเลยเป็นหนังสือจึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลย

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายเบื้องต้นว่า โจทก์มิได้ส่งคำสั่งซื้อของจำเลยตามที่ศาลมีคำสั่งเรียก ทั้งไม่ปรากฏสำเนาคำสั่งซื้อท้ายฟ้องอนุโลมฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนั้น ๆ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์มิได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่จำเลยวางศาลพร้อมอุทธรณ์ ทั้งมิได้ขอขยายระยะเวลาไว้เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ แต่ปรากฏภายหลังว่าโจทก์วางเงินดังกล่าวต่อศาลพร้อมกับคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีไว้แล้ว ศาลชั้นต้นจึงเพิกถอนคำสั่งเดิมเป็นรับอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารให้จำเลยตรวจดูตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียก เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งเรียกเอกสารจากโจทก์มาให้จำเลยตรวจดูก่อนที่จำเลยจะยื่นคำให้การ ซึ่งหากโจทก์ไม่ส่งก็ชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้แต่ไม่มีบทกฎหมายใดที่พออนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้น ไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 124 ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่ความต้องการจะสืบข้อเท็จจริงโดยอ้างเอกสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นพยาน เมื่อฝ่ายที่ครอบครองไม่ยอมส่ง ก็ให้ถือว่าข้อเท็จจริงนั้นคู่ความฝ่ายนั้นยอมรับแล้ว คดีนี้ ไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารดังกล่าวเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงใด ถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้น หรือโจทก์ไม่มีเอกสารเช่นว่านั้น และวินิจฉัยอีกว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ในชั้นแรกก็เพราะเข้าใจว่าโจทก์ไม่ได้นำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่จำเลยมาวางศาลแต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์วางเงินพร้อมกับอุทธรณ์แล้วศาลชั้นต้นสั่งไปโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ เพราะตราบใดที่ยังไม่มีการส่งส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ เมื่อคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์หรือยื่นคำร้อง ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งอุทธรณ์ หรือสั่งคำร้องนั้นแทนศาลอุทธรณ์ได้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share