แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องเป็นเรื่องให้โดยเสน่หา และขอให้ถอนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ แต่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณากลับได้ความว่าโจทก์ให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรยืมเอกสาร น.ส.3 ก. พิพาทไปใช้ในการจำนอง เมื่อชำระหนี้จำนองแล้วให้โอน น.ส.3 ก. นั้นคืนแก่โจทก์ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องให้โดยเสน่หาตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 521 โจทก์ยังเป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาท โจทก์จะอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณแล้วมาขอถอนการให้ไม่ได้ ได้แต่จะฟ้องเรียกคืนทรัพย์ด้วยเหตุอื่นที่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อโจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องเป็นเรื่องถอนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยโอน น.ส.3 ก. ของที่ดินแปลงพิพาทคืนแก่โจทก์เพราะเหตุอื่นได้เนื่องจากเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำฟ้อง
ที่โจทก์กล่าวในคำฟ้องถึงมูลเหตุที่โจทก์ยกที่ดินแปลงพิพาทให้จำเลยว่าเป็นการยกให้ที่มีเงื่อนไขเพื่อให้จำเลยนำไปใช้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยกับสามีที่กู้ยืมจากธนาคารและนำสืบถึงเงื่อนไขดังกล่าว ก็เพื่อให้เห็นถึงมูลเหตุแห่งการที่โจทก์ยกที่ดินแปลงพิพาทให้จำเลย มิใช่เป็นการเพิ่มเติม ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญายกให้ที่ดินแต่อย่างใด
การจะพิจารณาพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามคำฟ้องโจทก์ได้หรือไม่เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ให้จำเลยยืมเอกสาร น.ส.3 ก. ของที่ดินแปลงพิพาทไปใช้จำนอง โดยไม่มีเจตนายกที่ดินแปลงพิพาทให้แก่จำเลย กรณีไม่ใช่การให้โดยเสน่หาที่จะขอถอนเพราะเหตุประพฤติเนรคุณ ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ขอให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนยกให้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3.ก) เลขที่ 3001 ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ระหว่างโจทก์กับจำเลย และให้จำเลยส่งมอบหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ฉบับดังกล่าวคืนแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โจทก์ถึงแก่ความตาย นางสาวทองคำ หล่อแหลม ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคำฟ้องมายื่นใหม่ภายในกำหนดอายุความ
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องเป็นเรื่องให้โดยเสน่หาและขอให้ถอนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ แต่ข้อเท็จจริงในทางพิจารณากลับได้ความว่า โจทก์ให้จำเลยซึ่งเป็นบุตรยืมเอกสาร น.ส. 3 ก. ของที่ดินแปลงพิพาทไปใช้ในการจำนอง เมื่อชำระหนี้จำนองแล้วให้โอน น.ส. 3 ก. นั้นคืนแก่โจทก์ กรณีจึงไม่ใช่เรื่องให้โดยเสน่หา ตามนัยแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 521 โจทก์ยังเป็นเจ้าของที่ดินแปลงพิพาท โจทก์จะอ้างว่าจำเลยประพฤติเนรคุณแล้วมาขอถอนการให้ไม่ได้ ได้แต่จะฟ้องเรียกคืนทรัพย์ด้วยเหตุอื่นที่ตรงกับข้อเท็จจริง เมื่อโจทก์ ตั้งประเด็นมาในคำฟ้องเป็นเรื่องถอนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาให้จำเลยโอน น.ส 3 ก. พิพาทคืนแก่โจทก์เพราะเหตุอื่นได้เนื่องจากเป็นเรื่องนอกประเด็นตามคำฟ้อง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์กล่าวอ้างนำสืบเพิ่มเติมว่ามีเงื่อนไขเกี่ยวกับการจำนองเป็นการหักล้างเปลี่ยนแปลงเอกสารสัญญายกให้ที่โดยเสน่หานั้น เห็นว่า การที่โจทก์กล่าวในคำฟ้องถึงมูลเหตุที่โจทก์ยกที่ดินแปลงพิพาทให้จำเลยว่า เป็นการยกให้ที่มีเงื่อนไขเพื่อให้จำเลยนำไปใช้จำนองเป็นประกันหนี้ของจำเลยกับสามีที่กู้ยืมจากธนาคารและได้นำสืบถึงเงื่อนไขดังกล่าว ก็เพื่อให้เห็นถึงมูลเหตุแห่งการที่โจทก์ยกที่ดินแปลงพิพาทให้จำเลย กรณีมิใช่เป็นการเพิ่มเติม ตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญายกให้ที่ดินแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 3 หยิบยกข้อเท็จจริงที่โจทก์จำเลยรับกันว่าเป็นการยกให้โดยเสน่หาขึ้นมาวินิจฉัย ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า การจะพิจารณาพิพากษาบังคับให้เป็นไปตามคำฟ้องของโจทก์ได้หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ให้จำเลยยืมเอกสาร น.ส. 3 ก. ของที่ดินแปลงพิพาทไปใช้ในการจำนองโดยไม่มีเจตนายกที่ดินแปลงพิพาทให้แก่จำเลย กรณีจึงไม่ใช่การให้โดยเสน่หาที่จะขอถอนเพราะเหตุประพฤติเนรคุณ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเป็นปัญหา ข้อกฎหมายได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบมาตรา 246 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.