คำสั่งคำร้องที่ 2801/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 3 ขอให้ศาลปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,160 กระทงหนึ่ง การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 4 ปี และผิดตามมาตรา 265,268 อีกกระทงหนึ่ง โดยที่จำเลยที่ 3 เป็นผู้ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการนั้นเอง จึงให้ลงโทษตามมาตรา 268วรรค 2 แต่กระทงเดียว จำคุก 2 ปี รวมโทษจำคุก 6 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14,31 วรรคหนึ่งที่แก้ไขแล้ว พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11,73วรรคหนึ่ง,69 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขแล้ว ความผิดฐานทำไม้โดยไม่ได้รับอนุญาตให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507มาตรา 14,31 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 6 เดือน ฐานมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 69 วรรคหนึ่ง จำคุก 6 เดือน และมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 อีกกระทงหนึ่ง จำคุก 6 เดือนเมื่อรวมกับโทษของจำเลยที่ 3 ที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว คงจำคุก6 ปี 18 เดือน ฯลฯ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 202)
ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 3 ชั่วคราวทั้งในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์ตีราคาประกัน 180,000 บาท (อันดับ 3,139)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 3 ชั่วคราวระหว่างฎีกา ตีราคาประกันสามแสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป

Share