แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกา ข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น และเป็นข้อกฎหมายในสาระสำคัญในประเด็นของคดีสมควรที่ศาลสูงจะได้พิจารณาวินิจฉัย โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 38)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336(ที่ถูก 336 วรรคแรก)ประกอบด้วยมาตรา 80 และ มาตรา 366 ทวิ ให้จำคุก 4 ปี 12 เดือน คืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 37 แผ่นที่ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 38)
คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยใช้มือดึงสายสะพาย กระเป๋าของผู้เสียหาย ผู้เสียหายแย่งคืนได้จำเลยจึงขับรถหลบหนีไป จำเลยมีความผิดฐานพยายามวิ่งราวทรัพย์ตามฟ้อง จำเลยฎีกาโดยยกเหตุผลต่าง ๆขึ้นเป็นข้อฎีการวมทั้งอ้างเหตุผลว่าล่ามผู้แปลคำเบิกความของผู้เสียหายเป็นผู้ร่วมรู้เห็นเหตุการณ์ในคดีด้วย จึงรับฟังไม่ได้ และสรุปว่า ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ ยังฟังไม่ได้ปรากฎชัดว่าจำเลยได้ลงมือฉกฉวยกระเป๋าของผู้เสียหาย จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยลงมือกระทำผิดตามฟ้องเป็นการฎีกาดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง