แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสามฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 ขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ 7 วัน ตามขอ และมีคำสั่งฎีกาว่า รอไว้สั่งเมื่อชำระ ค่าธรรมเนียมแล้ว ต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม 2538 จำเลยทั้งสาม ยื่นคำร้องขอวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม ศาลชั้นต้นมี คำสั่งคำร้องว่า ศาลอนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมให้แก่จำเลยทั้งสามตามขอ 7 วัน นับแต่ วันที่ยื่นคำร้องขอขยายคือวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 ดังนั้น ครบ 7 วัน คือวันที่ 17 กรกฎาคม 2538 จำเลยยื่นและวางเงิน ค่าธรรมเนียมวันที่ 27 กรกฎาคม 2538 พ้นกำหนดเวลาแล้ว จึงไม่รับ คืนเงินให้แก่จำเลยทั้งสาม และมีคำสั่งฎีกาว่า จำเลยทั้งสามชำระค่าฤชาธรรมเนียมเมื่อพ้นกำหนดเวลาที่ศาล อนุญาต จึงไม่รับฎีกาคืนค่าธรรมเนียมที่รับไว้ให้จำเลยทั้งสาม จำเลยทั้งสามเห็นว่า ในวันที่จำเลยทั้งสามฎีกาจำเลยทั้งสามได้ยื่นคำแถลงเพื่อขอวางเงินค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 เจ้าหน้าที่ศาล แจ้งว่าไม่สามารถคิดค่าธรรมเนียมที่จำเลยทั้งสามต้องชำระ ให้ได้ เพราะหาสำนวนไม่พบและคืนคำแถลงฉบับดังกล่าวให้จำเลยทั้งสาม ปรากฏตามคำแถลงเอกสารท้ายคำร้องนี้จำเลยทั้งสามจึงต้องยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 ภายหลังเมื่อเจ้าหน้าที่ศาล หาสำนวนพบแล้วได้นำฎีกาและคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมเสนอต่อศาลชั้นต้นเพื่อสั่งเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2538 และสำนวนได้กลับมาที่แผนกงานอุทธรณ์ฎีกา ของศาลชั้นต้นวันที่ 26 กรกฎาคม 2538 ปรากฏตามวันเสนอสำนวน และส่งกลับในคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียม ดังนั้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมในวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 เป็นการสั่ง ย้อนหลังไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพ้นวิสัยที่จำเลยทั้งสามจะ ปฏิบัติตามได้ เพราะล่วงเลยกำหนดเวลาที่อนุญาต ให้ขยายระยะเวลา 7 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งแล้วโปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นรับเงินค่าฤชาธรรมเนียมตามคำแถลงฉบับลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2538 และให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสามไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 99) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 96601 เลขที่ดิน 6240 ตำบลบางบอน (แขวงบางบอน) อำเภอบางขุนเทียน (แขวงบางขุนเทียน)กรุงเทพมหานครให้โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้ถือเอาคำพิพากษานี้แทนการแสดงเจตนาหากไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ได้ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน จำนวน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2534 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องกำหนด ให้ไม่เกิน 24,390 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระค่าธรรมเนียมค่าภาษีอากรในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่ทางราชการแทนโจทก์ทั้งสิ้น และห้ามมิให้จำเลยทั้งสามและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทอีกต่อไปนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสามฎีกาฉบับลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 พร้อมกับ ยื่นคำร้องขอขยายเวลาวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลา 7 วัน และสั่งฎีกาว่ารอไว้ สั่งเมื่อชำระค่าธรรมเนียมแล้ว ต่อมาวันที่ 27 กรกฎาคม 2538 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องขอวาง เงินค่าฤชาธรรมเนียม ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องว่า จำเลยยื่นและวางเงินค่าธรรมเนียม พ้นกำหนดเวลาแล้วจึงไม่รับและมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 84,82,86) จำเลยทั้งสามจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาของจำเลยทั้งสาม ฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม 2538 จำเลยขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีก 7 วัน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาตามคำร้อง ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 17 กรกฎาคม 2538 การที่จำเลยทั้งสาม ยื่นคำแถลงขอวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาเมื่อวันที่ 27 เดือนเดียวกันโดยนำเงินดังกล่าวมาวางและเจ้าหน้าที่ศาล รับไว้แล้ว แม้จะเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาต แต่เป็น ที่เห็นได้ว่าจำเลยทั้งสามไม่มีเจตนาจะไม่วางเงินเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นรับเงิน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาและรับฎีกาของจำเลยทั้งสามให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป