คำสั่งคำร้องที่ 272/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ถึงที่สุดแล้ว ไม่อนุญาตฎีกา
จำเลยเห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 มิได้วินิจฉัยถึงประเด็นว่าสมควรคุมประพฤติจำเลยหรือไม่ เป็นการวินิจฉัยไม่ครบคำขอในข้ออุทธรณ์ของจำเลย เป็นการคลาดเคลื่อนต่อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมี คำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,32 จำเลยอายุ 19 ปี เห็นสมควรลดมาตราส่วนโทษให้หนึ่งในสาม ข้อหามีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือนข้อหาพาอาวุธปืน จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 12 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 38)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 39)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและให้ลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงความผิดมีกำหนด ไม่เกินห้าปี ที่จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยไม่ครบ อุทธรณ์ของจำเลยเพราะมิได้วินิจฉัยว่าสมควรใช้วิธีการคุมประพฤติจำเลยหรือไม่นั้น เป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับดุลพินิจ ของศาลว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share