แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีไม่มีเหตุอันสมควรจะฎีกา ให้ยกคำร้อง
จำเลยเห็นว่า จำเลยเคยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์และจำเลยยังเป็นคนอนาถาอยู่ ส่วนฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยเป็นผู้ซื้อบ้านพิพาทโดยใส่ชื่อมารดาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน การที่มารดาโอนบ้านพิพาทให้โจทก์เป็นการฉ้อฉลเป็นฎีกาที่มีเหตุอันควรได้รับการพิจารณาจากศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบ โปรดมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาด้วย
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 129)
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยยื่นคำร้องเมื่อล่วงเลยเวลาที่กฎหมายอนุญาตแล้ว ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านเลขที่ 530 ถนนเทศบาลนิมิตรเหนือ แขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 2 สิงหาคม2539) จนกว่าจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไป ให้ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่งศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องขอแก้ไขคำให้การและฟ้องแย้ง โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง (อันดับ 126 แผ่นที่ 3, ที่ 1)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 127)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาและคำฟ้องฎีกาของจำเลย ยังไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย คดีนี้มีทุนทรัพย์ตามราคาทรัพย์สินที่พิพาทเป็นเงิน 980,000 บาท หากจำเลยยังติดใจฎีกา ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ดังกล่าวมาชำระต่อศาลชั้นต้นภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำสั่งนี้ คืนค่าคำร้อง 40 บาท แก่จำเลย