คำสั่งคำร้องที่ 2619/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลให้ทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาการตีความ ว่าสัญญาระหว่างนายแก้วกับจำเลยเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดหรือสัญญาซื้อขายและการครอบครองของจำเลยจะได้สิทธิตามกฎหมายหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 62) โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยพร้อมทั้งบริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินแปลงพิพาทและส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยให้แก่โจทก์ โดยห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดินแปลงพิพาท อีกต่อไป กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 500 บาท นับแต่วันที่จำเลยได้รับหนังสือบอกกล่าวจนกว่าจะ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 59) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 60)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยรับฟังข้อเท็จจริงว่านายแก้วได้ขายและส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลย ทั้งยังได้มอบเอกสารสิทธิให้จำเลยยึดถือไว้อีกด้วย การขายที่ดินพิพาทของนายแก้วเป็นการขายที่ดินเสร็จเด็ดขาดหาใช่เป็นสัญญาจะซื้อขายที่ดินไม่ โจทก์ฎีกาว่าคำเบิกความ ของพยานโจทก์ประกอบเอกสารหมาย จ.6 และคำเบิกความของ พยานจำเลยยังฟังไม่ได้ว่านายแก้วมีเจตนาสละการครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลย การส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาท และการมอบเอกสารสิทธิให้จำเลยยึดถือไว้ถือไม่ได้ว่าเป็นการ ซื้อขายเสร็จเด็ดขาดเป็นเพียงการจะซื้อขายที่ดินกันเท่านั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลยพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคแรกศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share