แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาข้อ 2.2เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้าม ส่วนฎีกาข้อ 2.1แม้จะเป็นข้อกฎหมาย แต่ก็ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกาคืนค่าขึ้นศาล
โจทก์เห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ที่ว่า อายุความในการใช้สิทธิไล่เบี้ยจากลูกจ้างต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่โจทก์จ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกจนถึงวันฟ้องและฎีกาข้อ 2.2ที่ว่า การที่ศาลยกเอาอายุความมาเป็นเหตุยกฟ้องโจทก์เป็น กระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 16,125 บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ของต้นเงิน 15,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 57)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 61)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกา มีจำนวนไม่เกินสองแสนบาทจึงห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกที่ถูกนายบุญเสริม ยังวัน ลูกจ้างโจทก์ทำละเมิดเมื่อวันที่8 มีนาคม 2528 คดีโจทก์ส่วนนี้ไม่ขาดอายุความนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลภายนอกทั้งสองรายตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2523เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ที่โจทก์ฎีกาว่าในประเด็นเรื่องอายุความ จำเลยไม่มีพยานมาสืบหักล้างพยานโจทก์ จึงต้องฟังว่าคดี ไม่ขาดอายุความเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ของศาล ที่วินิจฉัยว่าตามพยานหลักฐานโจทก์ คดีโจทก์ขาดอายุความ แล้ว เป็นว่าควรรับฟังตามพยานหลักฐานของโจทก์ว่าคดีโจทก์ ไม่ขาดอายุความ จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่า กรณีที่นายบุญเสริม ทำละเมิดทำให้รถยนต์ของโจทก์เสียหาย โจทก์อาจบังคับสิทธิเรียกร้องได้ตั้งแต่วันที่โจทก์จ่ายค่าซ่อมรถยนต์ของโจทก์ คดีจึงไม่ขาดอายุความนั้น เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ