แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ทั้งหกแถลงคัดค้าน (อันดับ 197)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินจำนวน 534,800 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ดังกล่าว นับจากวันที่ 10 มกราคม 2528 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งหกโดยแบ่งชำระแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน198,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน 198,000 บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 188,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน 188,000บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 3 จำนวน 28,800 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน 28,800 บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 4 จำนวน 33,600 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน 33,600 บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 5 จำนวน43,200 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน 43,200 บาท ชำระแก่โจทก์ที่ 6 จำนวน 43,200 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยของต้นเงิน43,200 บาท
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งหก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 191,192)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับ แต่จำเลยที่ 2 ไม่วางหลักประกันตามที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ แต่ต่อมาศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้งดการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์เนื่องจากจำเลยที่ 2 ได้นำหลักทรัพย์มาวางเป็นประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 133,135,154,169)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 2 หาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยเป็นเวลา 7ปี มาให้จนเป็นที่พอใจ และภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง