แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีไม้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และขอให้ริบไม้และเกวียนโคของกลางด้วย คดีได้ความตามฟ้องและคำรับสารภาพว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้บรรทุกใส่เกวียนเทียมโค เห็นได้ว่าจำเลยใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด คือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาต โคและเกวียนจึงเป็นสิ่งพึงต้องริบด้วย
โจทก์บรรยายฟ้องด้วยว่า เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม่เหียบซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโค อันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง และขอให้ริบไม้กับเกวียนโคของกลางด้วย เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ดังนี้ แม้ศาลชั้นต้นจะให้คืนเกวียนและโคโดยเห็นว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้ ก็เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองแล้วให้ริบเสียด้วยได้ จำเลยจะอ้างว่าเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีไม้เหียงอันเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. แปรรูป ๐.๓๙ ลูกบาศก์เมตร ไว้ในความครอบครองภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้โดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงาานจับจำเลยได้พร้อมด้วยไม้เหียงซึ่งจำเลยมีไว้ในขณะที่จำเลยบรรทุกใส่เกวียนเทียมโค ๒ ตัว อันเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ และริบไม้ เกวียน โค ของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง คู่ความไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘, ๗๓, ๗๔ ฉบับที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๗, ๑๘ ให้ปรับ ๓๐๐ บาท ลดกึ่งหนึ่งแล้วคงปรับ ๑๕๐ บาท ริบไม้ของกลาง แต่ให้คืนเกวียนและโค เพราะโจทก์ฟ้องในข้อหามีไม้, เกวียนและโค จึงไม่เกี่ยวกับการมีไม้อย่างใด
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ริบเกวียนและโคของกลางด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ริบโคและเกวียนของกลาง นอกนั้นยืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะมีความผิดฐานมีไม้แปรรูปประเภทหวงห้ามไว้ในความครอบครองก็ดี แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้ขณะที่จำเลยเอาไม้ดังกล่าวบรรทุกใส่เกวียนเทียมโค ๒ ตัว เพื่อขนย้ายไปที่อื่น ซึ่งเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยได้ใช้โคและเกวียนของกลางเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิด คือ การมีไม้รายนี้ไว้โดยมิได้รับอนุญาต จึงเป็นสิ่งที่พึงต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๗๔ ทวิ
ข้อที่จำเลยฎีกาว่า ที่จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง มีความหมายว่า รับสารภาพเพียงเท่าที่ทำผิดดังที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงไว้แล้วว่าเกวียนและโคไม่เกี่ยวกับการมีไม้ของกลางไว้จึงไม่ริบ โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเลยไปถึงข้อที่ว่าจำเลยได้ใช้เกวียนและโคเป็นอุปกรณ์ในการมีไม้ไว้ในครอบครองซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันถึงที่สุดแล้ว และยกขึ้นลงโทษจำเลยเป็นการมิชอบนั้นเห็นว่า นอกจากจำเลยจะบิดเบือนข้อเท็จจริงที่ตนให้การรับไว้แล้ว ยังปรากฏว่าตามฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ โจทก์หายอมรับข้อเท็จจริงว่าไม่เกี่ยวกับการมีไม้นั้น เป็นเพียงคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ซึ่งไม่ผูกมัดศาลอุทธรณ์ประการใด
พิพากษายืน