คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เขาทำร้ายกันและกำลังไล่กันมา จึงเข้ากลุ้มรุมทำร้ายเขาด้วย เป็นผิดฐานเป็นตัวการด้วยกันทุกคน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง ๓ คนมีมีดสมคบกันฟันทำร้ายร่างกายนายขำ ๆ ได้ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๔๙, ๖๓
ทางพิจารณาได้ความว่า ในวันที่โจทก์หาเวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. นายขำกลับจากบ้านนายแดง มาพบจำเลยที่ ๑ ๆ ถามว่า ลักกลองจริงไหม นายขำตอบว่า ไม่จริง จึงชวนกันไปสอบปากคำที่บ้านบิดาจำเลยที่ ๒ ระหว่างทางจำเลยที่ ๑ ใช้พร้าฟันนายขำ ๑ ที นายขำล้มลงพลัดจากคันนา พอลุกขึ้นได้ก็วิ่งหนีไปทางใต้ จำเลยที่ ๑ ไล่ตามฟัน จำเลยที่ ๒ ซึ่งขุดมันเทศอยู่ที่ทุ่งได้ช่วยกันวิ่งไล่ฟันนายขำ และในขณะนั้นจำเลยที่ ๓ ซึ่งอยู่หน้าบ้านจำเลยที่ ๒ ได้ฉวยพร้าตอกออกสกัดหน้านายขำ เข้าฟันถูกขายโครงนายขำล้มลง จำเลยทั้ง ๓ รุมฟันแล้วต่างหนีไป
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำเลยทุก ๆ คนตามมาตรา ๒๔๙ จำคุกคนละ ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาพิจารณาสรุปข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายขำมิได้ลักโคตามคำต่อสู้ของจำเลย และจำเลยทั้ง ๓ ได้กลุ้มรุมทำร้ายร่างกายนายขำขาดใจตายอยู่กับที่ มีบาดแผลถึง ๙ แผล เป็นแผลฉกรรจ์หลายแผล จำเลยกระทำโดยเห็นผลธรรมดาได้ว่า ผู้ถูกกระทำจะต้องถึงแก่ความตาย จำเลยทั้ง ๓ มีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยสัญเจตนา จึงพิพากษายืน

Share