คำสั่งคำร้องที่ 2610/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก,มาตรา 219 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง และวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 จึงไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้โทษที่จะลงแก่จำเลยที่ 1 เป็นว่าให้จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน เป็นการแก้ไขมากจึงไม่ต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,83 และ 91 เรียงกระทงลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี จำเลย ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุ บรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกกระทงละ2 เดือน รวมจำคุก 10 เดือน จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 เดือน นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 128) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 129)

คำสั่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2534 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59,83และ 91 จำคุกกระทงละ 1 ปี รวมจำคุก 5 ปี ลดโทษที่จะลง ให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก2 ปี 6 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนในบทที่ลงโทษแต่กำหนดโทษให้น้อยลงโดยให้จำคุกกระทงละ 2 เดือนรวมจำคุก 10 เดือน ลดโทษที่จะลงให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 เดือน เป็นการพิพากษาแก้ไขเล็กน้อย เมื่อยังคงลงโทษจำคุกกระทงละไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ชอบแล้วให้ยกคำร้องของ จำเลยที่ 1

Share