คำสั่งคำร้องที่ 2609/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 119)
คดีสืบเนื่องจากโจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2526 ตามสัญญายอมข้อ 2 กำหนดให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูโจทก์และเด็กชายวนัชพินิจรัตนพันธ์ผู้เยาว์เดือนละ 1,000 บาทจนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ ข้อ 3 หากจำเลยมีฐานะดีขึ้น จำเลยจะเพิ่มค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์และบุตรผู้เยาว์อีกตามสมควรแก่ฐานะ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2532
โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่า เนื่องจากค่าครองชีพสูง ประกอบกับโจทก์ต้องดิ้นรนหาเงินมาเลี้ยงชีพแล้วยังต้องหาเงินมาเป็นค่าเล่าเรียนผู้เยาว์ เมื่อโจทก์ไม่มีเงินจึงต้องนำสร้อยคอทองคำพร้อมจี้พลอยไปจำนำเอาเงินเป็นค่าเล่าเรียนผู้เยาว์บ่อยครั้ง ส่วนจำเลยมีฐานะดีขึ้นมากได้ตั้งบริษัทค้าข้าวที่บ้านเลขที่ 58/18 ถนนทรงวาดแขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ทำการค้าข้าวขายส่งต่างประเทศมีเงินทุนหมุนเวียนนับล้าน ๆ บาท จำเลยผิดนัดนำเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูมาวางศาลไม่ตรงตามกำหนดบ่อยครั้งทำให้โจทก์และผู้เยาว์ได้รับความลำบาก ขอให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดู เพิ่มจาก 1,000 บาทเป็น 5,000 บาทต่อเดือน และให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูแก่โจทก์และผู้เยาว์นับแต่วันยื่นคำร้องถึงวันที่ผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะเป็นเวลา 11 ปีเป็นเงิน 660,000 บาทด้วยจำเลยแถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าจำเลยมีฐานะดีขึ้นต้องปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 3 ให้จำเลยเพิ่มค่าอุปการะเลี้ยงดูให้ฝ่ายโจทก์เป็นเงินเดือนละ 2,000 บาท ส่วนที่โจทก์เรียกร้องให้จำเลยชำระเป็นเงิน 600,000 บาทนั้นเห็นว่าตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่ได้ตกลงไว้แต่อย่างใดศาลไม่อาจบังคับให้ได้
โจทก์และจำเลยต่างยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูให้โจทก์และบุตรผู้เยาว์เดือนละ 4,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 115,114)
จำเลยเคยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์แต่ไม่ปรากฏคำสั่งในสำนวนที่ส่งมายังศาลฎีกา (อันดับ 81)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีไม่มีเหตุสมควรอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share