แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา แต่เนื่องจากจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 9ได้ถึงแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2535 ผู้ร้องซึ่งเป็นสามีของ จำเลยที่ 4แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน โดยพักอาศัยอยู่ บ้านเดียวกัน และจำเลยที่ 9 เป็นบุตรของผู้ร้องที่เกิดจากจำเลยที่ 4 รายละเอียดปรากฏตามสำเนาภาพถ่ายทะเบียนบ้านและใบมรณะบัตรที่แนบมาท้ายคำร้อง ผู้ร้องในฐานะสามีและบิดา ของจำเลยที่ 4และจำเลยที่ 9 ซึ่งเป็นผู้ปกครองทรัพย์มรดก ตามที่โจทก์ฟ้องขับไล่ในคดีนี้มีความประสงค์ที่จะขอเข้า เป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 4และจำเลยที่ 9 ผู้มรณะเพื่อดำเนินคดีต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
คดีทั้งห้าสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกนายประจวบ ศรีเจริญเป็นจำเลยที่1นางพเยาว์ศรีเจริญเป็นจำเลยที่ 2นายเฮงไวยธิราเป็นจำเลยที่3นางเล็กไวยธิราเป็นจำเลยที่ 4 นายวิชัยเกษมราช เป็นจำเลยที่ 5 นางพรรษาเกษมราชหรือศรีเจริญเป็นจำเลยที่6นายกมลไวยธิราเป็นจำเลยที่ 7 นางเกษมไวยทิราหรือศรีเจิรญ เป็นจำเลยที่ 8นางสำรวย ไวยทิราเป็นจำเลยที่9และนางโสพิศไวยทิราเป็นจำเลยที่ 10
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสิบและบริวารรื้อโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 7638 ของโจทก์และห้ามมิให้จำเลยและบริวารเข้ามาเกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์อีกต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งห้าสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา (อันดับ 169)
คดีอยู่ระหว่างนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา
ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 182)
ศาลชั้นต้นนัดพร้อมแล้ว มีคำสั่งให้รวบรวมสำนวนส่ง
ศาลฎีกา เพื่อมีคำสั่ง (อันดับ 183)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้นายเฮงไวชธิรา จำเลยที่ 3เป็นคู่ความแทนที่จำเลยที่ 4 และที่ 9 ผู้มรณะได้ตามคำร้อง