แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจของศาล ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง ดังนั้นเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกา ไม่เกินสองแสนบาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ฎีกาของจำเลยทั้งสองจึงต้องห้ามฎีกา ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาที่ว่า หนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.5 เป็นสัญญาจ้างจำเลยทั้งสองให้ตรวจสอบความเสียหายและเจรจาเรียกร้องเงินประกันภัยจากบริษัทประกันภัย โดยตกลงให้ค่าจ้างแก่จำเลยทั้งสองและไม่เป็นเอกสารปลอมแม้จะไม่มีพยานลงลายมือชื่อรับรอง เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน และคดีนี้ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เพราะทุนทรัพย์ ที่พิพาทในศาลชั้นต้นเกินกว่าสองแสนบาท โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสอง ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 81,84 แผ่นที่ 2) ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 194,973 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 78) จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนจำนวนทุนทรัพย์ที่จะฎีกาได้หรือไม่ต้องถือทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกา เมื่อทุนทรัพย์ที่ จำเลยทั้งสองฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา ของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง