แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับคืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาแก่โจทก์ โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า สัญญาค้ำประกันของจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นข้อตกลงเฉพาะระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 เป็นสัญญาสองฝ่ายหาใช่สัญญาสามฝ่ายไม่ และที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2วินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีสิทธินำเงินจำนวน 65,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 ฝากไว้เป็นประกันไปหักชำระหนี้ขายลดเช็คของจำเลยที่ 1 เป็นการวินิจฉัยข้อสัญญาคลาดเคลื่อนล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสอง ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 293,993.76 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 16 ต่อปีของต้นเงิน 119,946.49 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์จำนอง ออกขายทอดตลาดนำเงินชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงิน ชำระหนี้โจทก์จนครบ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 56,247.82 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีนับแต่วันที่ 6 เมษายน 2527 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2529 อัตราร้อยละ 17 ต่อปีนับแต่วันที่ 2 มกราคม 2529 ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2529 อัตราร้อยละ 15 ต่อปีนับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 ถึงวันที่ 28 มิถุนายน 2536 และอัตราร้อยละ 16 ต่อปี นับแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2536 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 24739ตำบลบางรักใหญ่ (บางแพรก) อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรีออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ ให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 49) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 52)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า สัญญาค้ำประกัน ของจำเลยที่ 2 กับโจทก์เป็นข้อตกลงเฉพาะระหว่างโจทก์ และจำเลยที่ 2 เป็นสัญญาสองฝ่าย มิใช่สัญญาสามฝ่ายนั้นเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิใช่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงมิใช่เป็นฎีกาที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีสิทธินำเงินจำนวน 65,000 บาท ที่จำเลยที่ 2 ฝากไว้เป็นประกันไปหักชำระหนี้ขายลดเช็คของจำเลยที่ 1 โดยอ้างเอกสารหมาย จ.21 และคำเบิกความของนายสมพจน์เต็มวุฒิกุล ว่าฟังได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 อันเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง