แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วจึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า เอกสารหมาย จ.1 และ จ.2 เป็นหลักฐานแห่ง การกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ การที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1ฟังว่า โจทก์ไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือ จึงเป็นการฟังพยานหลักฐานผิดไปจากพยานหลักฐานในสำนวน เป็นปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แก่โจทก์เป็นเงิน120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีของต้นเงิน 80,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระให้แก่โจทก์เสร็จ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 2 ชำระแทนจนครบ
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 63)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 66)
คำสั่ง
โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ในช่องผู้กู้และผู้ค้ำประกันตามลำดับในเอกสารหมาย จ.1 จ.2โจทก์จึงใช้เอกสารดังกล่าวเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ตามกฎหมาย การแปลความว่าใช้ไม่ได้ เป็นการโต้แย้งกันในปัญหาข้อกฎหมาย นั้น เห็นว่าศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ลงลายมือชื่อในช่องผู้กู้และผู้ค้ำประกันตามลำดับในเอกสาร ดังกล่าวจริง แต่โจทก์ได้เขียนข้อความในเอกสารดังกล่าวเพิ่ม จำนวนเงินกู้ผิดไปจากจำนวนเดิม โดยฝ่าฝืนเจตนาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เอกสารดังกล่าวจึงเป็นเอกสารปลอม ศาลล่างทั้งสองฟัง ข้อเท็จจริงว่าเอกสารปลอม โจทก์จะโต้แย้งว่าไม่ปลอม โจทก์จะ ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ เป็นการฎีกาโต้แย้งใน ปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ