แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อเอาทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.250 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลังเช่นนี้ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้องลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.288 ได้.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2501)
โจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องลักทรัพย์และขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 15,400 บาท เจ้าพนักงานจับจำเลยและได้เงิน 900 บาทเป็นของกลาง แต่ข้อเท็จจริงฟังได้เพียงว่าจำเลยเอาเงินสดจากเจ้าทรัพย์ไป 500 บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้เจ้าทรัพย์ 500 บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป.
ย่อยาว
เรื่อง ชิงทรัพย์ ฆ่าคนโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฆ่านางจรูญเพื่อความสะดวกที่จะเอาทรัพย์ แล้วจำเลยได้ลักทรัพย์ของนางจรูญไปรวม ๑๕,๔๐๐ บาท ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๔๙,๒๕๐,๓๐๐ และขอให้สั่งจำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยทำผิดจริงตามฟ้องพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๕๐ ข้อ ๕ ให้ประหารชีวิตจำเลย จำเลยรับชั้นสอบสวนลดโทษ ๑ ใน ๓ ตาม ม.๕๙,๓๗ คงจำคุก ๒๐ ปี ให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคา ๑๑,๑๔๗ บาท กับให้คืนเงิน ๕๐๐ บาทแก่ทายาทของนางจรูญผู้ตาย เงินของกลาง ๙๐๐ บาทที่จับได้จากจำเลย เมื่อจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาในเรื่องคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แล้ว ให้คืนแก่จำเลยไป หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ก็ให้หักใช้แทนทรัพย์หรือราคาทรัพย์ที่จำเลยจะต้องคืนหรือใช้แก่ทายาทของนางจรูญผู้ตาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตาม ก.ม.ลักษณะอาญา ม.๒๔๙ และ ๒๘๘ เป็น ๒ กระทง ให้ลงโทษตาม ม.๒๔๙ ซึ่งเป็นกระทงที่หนัก ให้คืนเงิน ๕๐๐ บาทแก่ทายาทของนางจรูญผู้ตาย ส่วนอีก ๔๐๐ บาทให้คืนจำเลย กำหนดโทษและความอื่นนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยและสั่งบังคับเกี่ยวกับการคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อจำเลยฆ่าผู้ตายจนถึงแก่ความตายแล้ว จำเลยจึงเกิดโลภเจตนาเอาทรัพย์ของผู้ตายในภายหลัง ปัญหามีว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้องหรือไม่ โดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ได้ความในการพิจารณาไม่แตกต่างกับข้อเท็จจริงที่ได้กล่าวในฟ้อง จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๒๘๘ ด้วย
ส่วนเรื่องเงิน ๙๐๐ บาทของกลางนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามข้อเท็จจริงฟังว่าจำเลยเอาเงินสดจากผู้ตายไป ๕๐๐ บาท จึงควรหักเงินสดของกลางคืนให้ทายาทของผู้ตาย ๕๐๐ บาทเท่าที่ได้ความว่าจำเลยเอาไป เหลือนอกนั้นคืนให้จำเลย ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของโจทก์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป
พิพากษายืน.