คำสั่งคำร้องที่ 2318/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์มีความประสงค์ขออ้างสำเนาคำพิพากษาศาลจังหวัดอุบลราชธานี คดีหมายเลขดำที่ 697/2529 หมายเลขแดงที่734/2529 ระหว่าง ธนาคารสยาม จำกัด โจทก์ นายวัลลภอมรกุลจำเลย เป็นพยานเพิ่มเติมในคดีนี้ เนื่องจากคำพิพากษาดังกล่าวได้ระบุว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามมูลหนี้ที่โจทก์ฟ้องล้มละลายคดีนี้จริง ส่วนที่โจทก์มิได้อ้างส่งในศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์นั้น ก็เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลยังมิได้พิพากษา ซึ่งโจทก์เพิ่งได้รับสำเนาคำพิพากษาหลังจากได้ยื่นอุทธรณ์ไปแล้ว ทั้งเป็นพฤติการณ์นอกเหนือที่โจทก์ไม่อาจทราบได้ ประกอบกับคดีนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม โปรดรับสำเนาคำพิพากษาดังกล่าวเป็นพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกาด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 66)โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยล้มละลายและให้กองทรัพย์สินของจำเลยชำระหนี้แก่โจทก์
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ตามฟ้องคดีนี้หรือไม่ จำนวนหนี้ที่โจทก์มาฟ้องจึงเป็นจำนวนไม่แน่นอนเพราะศาลจังหวัดอุบลราชธานีอาจจะมีคำพิพากษายกฟ้องหรือให้จำเลยชำระเงินในจำนวนที่แตกต่างจากจำนวนเงินตามฟ้องคดีนี้ก็ได้ จึงยังไม่สมควรให้จำเลยล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 57,59)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 14 ให้ศาลพิจารณาเอาความจริงตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 9โดยเฉพาะในอนุมาตรา (3) กำหนดว่าหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องต้องกำหนดจำนวนได้แน่นอน หมายความว่าในขณะยื่นคำฟ้องนั้นหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องกำหนดจำนวนได้แน่นอนแล้ว จึงต้องอาศัยพยานหลักฐานที่มีอยู่ในขณะยื่นคำฟ้อง มิใช่พยานหลักฐานที่เกิดขึ้นภายหลังยื่นคำฟ้องคำพิพากษาที่โจทก์ขอระบุพยานเพิ่มเติมในชั้นฎีกา เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โจทก์จะอ้างพยานที่เกิดขึ้นภายหลัง เพื่อให้ศาลฎีกามีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยไม่ได้ จึงให้ยกคำร้องของโจทก์ ค่าคำร้องเป็นพับ

Share