คำสั่งคำร้องที่ 2308/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยทั้งสองยื่นฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา โดยนายวิชัยโกญจนาวรรณ พนักงานอัยการซึ่งเป็นทนายจำเลยทั้งสอง เป็นผู้ลงชื่อในฎีกาและคำร้องศาลชั้นต้น สั่งรับ แต่ต่อมาเพิกถอนคำสั่งเฉพาะส่วนที่รับฎีกาและคำร้อง ของจำเลยที่ 1 เสีย เพราะนายวิชัยโกญจนาวรรณ ไม่ได้รับแต่งตั้งจากจำเลยที่ 1 ให้เป็นทนายความดำเนินคดีแทน
จำเลยที่ 1 เห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างประจำของกรมทางหลวง จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรมในรัฐบาลถูกโจทก์ฟ้องร่วมกับจำเลยที่ 2 ให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายในผลแห่งการละเมิดซึ่งจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในหน้าที่ราชการ จำเลยทั้งสองได้ขอ ให้พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุดแก้ต่างคดีสำนักงานอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการนายหนึ่งเป็นทนายแก้ต่างให้ จำเลยทั้งสองจึงได้แต่งให้พนักงานอัยการผู้นั้นเป็นทนายความแล้ว ต่อมาเมื่อพนักงานอัยการคนเดิมย้ายไปรับราชการที่อื่น และนายวิชัยโกญจนาวรรณ เข้ามาดำเนินคดีนี้แทนนายวิชัยโกญจนาวรรณ จึงมีอำนาจดำเนินคดีในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้ตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 มาตรา 11,12โดยไม่จำต้องได้รับแต่งตั้งจากจำเลยที่ 1 อีก โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับในส่วนของจำเลยที่ 1ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน134,354 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับและต่อมาเพิกถอนคำสั่งรับเฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว (อันดับ 94,93)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 97)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เรื่องตัวความแต่งตั้งทนายความกับอำนาจ ของพนักงานอัยการที่จะดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. 2498 มาตรา 12(2) นั้นเป็นคนละเรื่องกันเดิมจำเลยทั้งสอง ได้แต่งพนักงานอัยการคนก่อนสองนายเป็นทนายความ ต่อมาภายหลัง จำเลยที่ 2 ได้แต่งนายวิชัยโกญจนาวรรณ พนักงานอัยการเป็นทนายความ และชั้นฎีกาปรากฏว่าจำเลยทั้งสองฎีกา โดย นายวิชัยโกญจนาวรรณ เป็นผู้ทำฎีกา และลงชื่อเป็นผู้ฎีกาศาลชั้นต้นได้สั่งรับฎีกาไว้แล้ว ต่อมาภายหลัง ศาลชั้นต้นได้ สั่งเพิกถอน ไม่รับฎีกาเฉพาะของจำเลยที่ 1 ด้วยเหตุที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้แต่งนายวิชัยโกญจนาวรรณ เป็นทนายความไว้ในสำนวน เห็นว่า ตามพฤติการณ์เป็นการผิดหลง แม้จะเป็นการปฏิบัติผิดบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก็เป็นการสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้ทำเสียให้ถูกต้องได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 จึงให้ศาลชั้นต้นกำหนดเวลาให้จำเลยที่ 1 จัดการแต่งนายวิชัยโกญจนาวรรณเป็นทนายความในชั้นฎีกาเสร็จแล้วให้ดำเนินการต่อไป

Share