แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา เนื่องจากในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยได้วางเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์จำนวนเงิน3,892.50 บาท และได้นำหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชยการ จำกัด สาขาลำปาง ฉบับเลขที่แอลจีวี.89/139 และ 90/9 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2532 และ 22 มกราคม2533 ตามลำดับ เพื่อเป็นหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับในระหว่าง อุทธรณ์ไว้ต่อศาลชั้นต้น บัดนี้ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับ คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ จำเลยจึงขอรับ เงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ และหนังสือค้ำประกันทั้งสองฉบับ คืนจากศาล ขอศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งให้ศาลจังหวัดลำปางจ่ายเงิน ค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ และหนังสือค้ำประกันทั้งสองฉบับ ดังกล่าวคืนแก่จำเลยด้วย โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินจำนวน 52,500 บาทให้แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์โดยได้นำเงินค่าธรรมเนียมใช้แทนโจทก์จำนวน 3,892.50 บาท มาวางต่อศาลชั้นต้น พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ (อันดับ 76,74,75)
ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องว่า ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับเงินต้นที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมดอกเบี้ยเป็นเวลา4 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง
วันพิจารณาหลักประกันจำเลยแถลงขอวางหนังสือสัญญาค้ำประกัน ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัดฉบับเลขที่แอลจีวี.89/139 ลงวันที่ 4 ธันวาคม 2532 และฉบับเลขที่แอลจีวี.90/9 ลงวันที่ 22 มกราคม 2533 เป็นหลักประกันในการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับไว้เป็นหลักประกัน ยึดสัญญาค้ำประกันไว้ และให้ฝ่ายจำเลยทำสัญญาประกันภายในวันนี้ (อันดับ 91,93,96)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา (อันดับ 107)
จำเลยยื่นคำแถลงดังกล่าว (อันดับ 115 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีเป็นเรื่องที่จำเลยขอรับเงินค่าธรรมเนียมและหลักประกันที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อใช้แทนโจทก์ตามคำพิพากษา ศาลชั้นต้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ จำเลย ชอบที่จะร้องขอต่อศาลชั้นต้นให้สั่งคืนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 251 ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ