คำสั่งคำร้องที่ 278/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำเลยฎีกาดุลยพินิจของศาลอุทธรณ์อันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่คดีมีทุนทรัพย์เพียง 37,719 บาท ดังนั้นคดีจึงต้องห้ามฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 มิได้ฎีกาในดุลยพินิจของ ศาลอุทธรณ์แต่เป็นการฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้ หยิบยกนำเอาปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวมาวินิจฉัย และเป็นข้อกฎหมายที่ได้หยิบยกมาตั้งแต่ศาลชั้นต้นแล้ว ฎีกา ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งไม่ต้องห้ามฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง เพราะจำเลยที่ 1 ไม่มาเสียค่าธรรมเนียมในการส่ง (อันดับ 78)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน19,840 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2531 เป็นต้นไปแก่โจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น ทั้งนี้ดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง(วันที่ 26 กันยายน 2531) ต้องไม่เกิน 479.86 บาทให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 73)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 73)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงมีผลอย่างเดียวกับการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้วที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share