แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แผลถูกตีหลังมือขวาโคนนิ้ว+กระดูกหักต้องเข้าเผือก + เดือนทำงานตามปรกติไม่ได้ เพราะมือกำไม่เข้า ใช้+อะไรไม่ถนัดตามปรกติก็อยู่ในลักษณะสาหัสตามกฎหมาย อาญา ม.256 (8). จำเลยโกรธเคืองโจทก์ที่เป็นทนายฟ้องจำเลยได้เคยแสดงความอาฆาตจะทำร้ายมาหลายครั้ง ในที่สุดมาดักทำร้ายได้ดังนี้เข้าลักษณะเป็นการทำทำร้ายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้มูลกรณีเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกันเชื่อคำพยานโจทก์ว่าจำเลยทำร้ายหลวงประจิติฯ สาเหตุที่จำเลยทำร้ายได้ความว่าหลวงประจิติฯ เป็นทนายนายเข้มฟ้องจำเลยว่าตัดต้นพลูของนายเข้ม จำเลยผูกใจเจ็บเนื่องแต่เหตุนี้ แต่เห็นว่าจะลงโทษจำเลยตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๗ ตามด้วยฟ้องโจทก์ไม่ได้ จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย+๒๕๖
หลวงประจิติฯโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าตามคำพยานฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายหลวงประจิติฯบาดแผลถึงสาหัสจริง ดังศาลชั้นต้นวินิจฉัยและจำเลยทำร้ายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายตามมาตรา ๒๕๗ ประกอบด้วยมาตรา ๒๕๐ (๓) ฟ้องของหลวงประจิติฯ ก็ได้บรรยายข้อเท็จจริงประจักษ์แจ้งแสดงว่าจำเลยได้ทำร้ายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย เพราะได้บรรยายถึงสาเหตุโกรธเคืองที่เป็นทนายนายเข้มฟ้องจำเลยถึงกับจำเลยจะทำร้ายมาครั้งหนึ่งแล้ว และยังฟูดอาฆาตด้วยในที่สุดฟ้องได้รวมความว่าเนื่องจากที่จำเลยมีความโกรณเคืองและพูดอาฆาตดังกล่าวมาแล้วจำเลยจึงได้ทำร้าย จึงพิพากษาแก้ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๕๗
อธิบดีศาลอุทธรณ์มีความเห็นแย้งว่า จำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๕๕ ประกอบด้วยมาตรา ๒๕๐ (๓) เท่านั้น และอนุญาตให้จำเลยฎีกา
จำเลยฎีกาในข้อเหล่านี้
ก.บาดแผลของหลวงประจิติฯไม่ถึงสาหัสตามกฎหมาย
ข.การกระทำของจำเลยไม่เข้าลักษณะพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย และคำฟ้องในข้อนี้เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ค. ศาลอุทธรณ์วางกำหนดโทษจำเลย ๔ ปีแรงเกินไป
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาข้อ ก. ได้ความว่าหลวงประจิติฯถูกจำเลยตีรวม ๑๑ แผลๆ สำคัญนั้นหลังมือขวาตอนโคนนิ้วก้อยกระดูกหักต้องเข้าเผือกอยู่ ๑ เดือน เพราะมือขวากำไม่เข้าหยิบดินสอปากกาไม่ได้ ต่อมาจนถึงวันเบิกความเป็นพยาน(วันที่ ๒ กรกฎาคม, ถูกทำร้ายวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๘๔) หลังมือขวาก็ยังบวมอยู่ใช้จับอะไรไม่ถนัดตามปรกติ ดังนี้ ตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๖ (๘) ตอนท้ายบัญญัติไว้ว่า “ฯลฯ หรือแม้ถึงไม่สามารถจะประกอบการพาเลี้ยงชีพได้โดยปรกติเพราะความทุพพลภาพหรือพยาธินั้นเกินกว่า ๒๐ วันก็ดี” เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายสาหัส หลวงประจิติฯ ถูกจำเลยทำร้ายมีบาดเจ็บและอาการดั่งกล่าวแล้ว ก็อยู่ในลักษณะสาหัสตามกฎหมายที่กล่าวแล้ว
ฎีกาข้อ ข. ก็เห็นว่าตามข้อเท็จจริงจำเลยได้ทำร้ายหลวงประจิติฯ โดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมาย และฟ้องของโจทก์ก็มิได้เป็นฟ้องเคลือบคลุมในข้อนี้
ฎีกาข้อ ค. เห็นว่าศาลอุทธรณ์วางโทษเพียง ๔ ปีตามกฎหมายอาญามาตรา ๒๕๗ มิได้แรงเกินไป
จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์