แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
กิริยาที่แสดงว่าเป็นการยิงโดยเจตนาฆ่า มิใช่ยิงขู่. จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาหลายครั้งก็ยังไม่ได้ตัวพยานมาสืยที่สุดแถลงว่าไม่ทราบที่อยู่แน่นอนของพยาน ดังนี้ศาลสั่งงดสืบพยานนั้นได้.
ย่อยาว
ได้ความว่ามีผู้แจ้งให้จับจำเลยว่ากระทำผิดไว้แล้วหลบหนีไป พลตำรวจจะเข้าจับกุมจำเลยๆ ใช้ปืนยิง ๓ นัดเพื่อขัดขวางการจับกุม แล้วหลบหนีไป ระหว่างพิจารณาพยานจำเลยบางคนออกหมายเรียกไม่ได้ตัวไม่ทราบที่อยู่แน่นอนมาหลายนัด ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดสืบพยานลักษณอาญามาตรา ๒๕๐-๖๐ ให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี และปรับตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนๆ เป็นเงิน ๑๒๐ บาท และให้ลงโทษกักกันจำเลยด้วยอีก ๗ ปี.
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยรับว่าใช้ปืนยิงจริง แต่อ้างว่ายิงขู่ตำรวจ ทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยเอี้ยวตัวยิงหันปากกระบอกปืนมาทางตำรวจ ต้องสันนิษฐานได้แน่นอนว่าตั้งใจยิงให้ถูกตำรวจ เพราะถ้าจะยิงขู่คงจะยิงขึ้นอากาศ ทั้งจำเลยได้ยิงถึง ๓ นัดติดๆกัน ส่วนกระสุนปืนจะห่างไปมากก็ไม่เป็นข้อสนับสนุนข้ออ้างของจำเลย ส่วนการที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยบางคน ก็ปรากฏว่าได้ให้โอกาสมาหลายครั้งหลายหนแล้ว จะรอการพิจารณาไปจนไม่มีที่สิ้นสุดไม่ได้อยู่เอง จึงพิพากษายืน.