แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า ครั้งแรกโจทก์ได้ร้องขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ส่งหมายเรียกให้แก้คดีแก่จำเลยแล้ว เหตุที่โจทก์ไม่มาแถลงภายใน 15 วัน เพื่อดำเนินคดีต่อไป หลังจากส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องครั้งแรกให้แก่จำเลยไม่ได้นั้น เนื่องจากพนักงานเดินหมายของกรมบังคับคดีไม่แจ้งผลการส่งหมายและส่งสำเนารายงานการเดินหมายให้โจทก์ทราบ อันเป็นระเบียบปฏิบัติของพนักงานเดินหมายที่จะต้องปฏิบัติเช่นนั้นทุกครั้งหลังจากส่งหมายแล้ว โจทก์จึงไม่ทราบว่าส่งหมายไม่ได้หาได้เพิกเฉยหรือมีเจตนาเพิกเฉยไม่ โปรดวินิจฉัยว่าการกระทำของพนักงานเดินหมายดังกล่าวจะเป็นเหตุแห่งการเพิกเฉยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(1)หรือไม่ อีกประการหนึ่งก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องนั้น ศาลได้ปฏิบัติตามอนุมาตรา 2 แห่งมาตราดังกล่าวโดยได้ส่งคำสั่งให้แก่โจทก์โดยชอบแล้วหรือไม่ เพราะโจทก์ยังไม่ได้รับแจ้งจากศาลให้ดำเนินการประการใดภายในเวลาที่ศาลกำหนด โจทก์จึงเห็นว่าศาลชั้นต้นยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้เพื่อวินิจฉัยต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยให้ชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า รับคำฟ้อง หมายส่งสำเนาให้จำเลย ให้โจทก์นำส่งภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง ต่อมาวันที่ 23 กันยายน 2529เจ้าหน้าที่ศาลรายงานว่าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ โดยไปส่งเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2529 บัดนี้เกินกว่า 15 วันแล้ว โจทก์ไม่มาแถลงเพื่อดำเนินคดี
ศาลชั้นต้นสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้องจำหน่ายคดีจากสารบบความ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 21)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 26)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ได้วางเงินค่านำหมายล่วงหน้าและชำระเงินเป็นค่าส่งสำเนารายงานการเดินหมายให้แก่พนักงานเดินหมายไว้แล้ว แต่พนักงานเดินหมายไม่ส่งสำเนารายงานการเดินหมายให้โจทก์ โจทก์จึงไม่ได้เพิกเฉยที่จะไม่แถลงให้ศาลทราบนั้น ปรากฏตามคำสั่งศาลชั้นต้นว่า ให้โจทก์นำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลย แต่โจทก์ไม่ไปนำส่ง ฉะนั้น ข้อฎีกาของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงที่ว่า โจทก์ทราบผลการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยว่าส่งให้ไม่ได้แล้วหรือไม่ หาใช่เป็นฎีกาในข้อกฎหมายไม่ ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์ยังไม่ได้รับแจ้งจากศาลว่าให้โจทก์ดำเนินการอย่างใดภายในเวลาที่ศาลกำหนด ปรากฏตามคำสั่งศาลชั้นต้นอย่างชัดแจ้งแล้วว่าถ้าส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ หากไม่แถลงให้ถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง โจทก์ได้ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวแล้ว ข้อฎีกาของโจทก์นี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ