คำสั่งคำร้องที่ 2211/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์อุทธรณ์ (ฎีกา) คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดี เป็นอำนาจเฉพาะของศาลอุทธรณ์ โจทก์ไม่อาจฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้ ไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
โจทก์เห็นว่า โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ มิได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ แต่อย่างใด เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งยกคำร้องขอคุ้มครอง ชั่วคราวของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งรับ คำร้องอุทธรณ์ (ฎีกา) คำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในที่ดินทางทิศตะวันออกของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เล่ม 6 หน้า 104 สารบบเล่มเลขที่ 69 หมู่ที่ 9ตำบลนากลาง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ครึ่งหนึ่งของเนื้อที่ดินคือ 49 ไร่ 2 งาน 20 วา และขอให้เพิกถอนการออกหนังสือรับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3) โดยถอนชื่อจำเลยทั้งสองออก ให้ส่วน ดังกล่าวเป็นของโจทก์ โดยมีชื่อโจทก์แสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ในระหว่าง อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งว่า คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะ คุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 3)
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์ (ฎีกา) คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 2ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 1)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (ถ้อยคำสำนวนอันดับ 2)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณีไม่ใช่การทุเลาการบังคับคดี แต่เป็น คำสั่งเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่าง พิจารณา ซึ่งคู่ความย่อมฎีกาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา 228 ประกอบด้วยมาตรา 247 จึงให้รับฎีกาคำสั่ง ของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป

Share