แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์ข้อ 2.1เป็นอุทธรณ์โต้เถียงดุลพินิจของศาล เป็นข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์ข้อ 2.2 เป็นข้อกฎหมายที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาในศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยเห็นว่า อุทธรณ์ข้อ 2.1 จำเลยอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง นั้น เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงโดยไม่คำนึงถึงเงื่อนไขการจ้างและการทำงานระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงเป็นการวินิจฉัยที่ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ส่วนอุทธรณ์ข้อ 2.2ซึ่งเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย นั้น จำเลยได้ยกขึ้นมากล่าวไว้แล้วในคำให้การของจำเลย และตามคำเบิกความของนายสมบัติ อุ่นสมบัติ พยานจำเลย อุทธรณ์ข้อนี้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่จำเลยได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณาชี้ขาดต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 26)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์เข้าปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารบนรถตามปกติ กับให้จำเลยจ่ายเงินจำนวน 1,625 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระเงินเสร็จ และให้จำเลยจ่ายเงินค่าเสียหายอีกเดือนละ325 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะให้โจทก์ปฏิบัติหน้าที่เก็บค่าโดยสารตามเดิม คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว(อันดับ 22)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว จำเลยยังมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลแรงงานกลาง ให้ยกคำร้อง