แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ลักษณะพฤติการณ์การกระทำของจำเลยเป็นการบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย มิใช่เพียงทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสตามที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 65 แผ่นที่ 2)ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 247(8) จำคุก 3 ปี คำรับรองจำเลยในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 65)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 67)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80 ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้จึงเท่ากับว่าศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น โดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงฎีกาว่าลักษณะพฤติการณ์การกระทำของจำเลยบ่งชี้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้อื่นเป็นปัญหาข้อเท็จจริงอีกไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง