แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี คดีต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริง พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยแล้วเห็นว่าเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้าม ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อนต่อพยานหลักฐานในสำนวนและมิได้วินิจฉัยให้ครบประเด็น เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ส่วนโจทก์ร่วมไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่ (อันดับ 144)
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรค 2 ฯลฯ จำคุก 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 138)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 144)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยทุกข้อล้วนมุ่งประสงค์จะให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงให้เป็นคุณแก่จำเลยโดยมิให้ฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง