แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ขณะฟ้องคดีจำเลยที่ 2 อยู่ต่างประเทศไม่ทราบว่าถูกฟ้องและไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับ เป็นพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้
อุทธรณ์ของโจทก์เป็นการโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ย่อยาว
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันและแทนกันชดใช้เงินจำนวน 1,024,566.44 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 2 ไม่ทราบว่าตนถูกฟ้องคดีนี้มาก่อนการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 2ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากจำเลยที่ 2 ได้มีโอกาสต่อสู้คดี คดีมีทางที่จะชนะ ขอให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 4.1 และข้อ 4.2 เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงมีคำสั่งไม่รับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานมีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ตามอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 4.1 ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่า เชื่อว่าขณะฟ้องคดีจำเลยที่ 2 อยู่ต่างประเทศจึงไม่ทราบว่าถูกฟ้อง และไม่อาจยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันส่งคำบังคับการที่จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ล่าช้าจึงมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2น่าจะทราบคำบังคับ จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนอุทธรณ์ของโจทก์ข้อ 4.2 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุสงสัยว่าหนังสือมอบอำนาจของจำเลยที่ 2 จะไม่ใช่หนังสือมอบอำนาจที่แท้จริง โจทก์อุทธรณ์ว่าหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวเป็นหนังสือมอบอำนาจปลอมเป็นการโต้แย้งดุลพินิจการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลางจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นเดียวกัน ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ทั้งสองข้อดังกล่าวของโจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง”