แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์จำเลยร่วมกันฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ หากมีการพิทักษ์ทรัพย์จำเลยและที่สุดศาลฎีกามีคำสั่งหรือคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์จำเลยอย่างยิ่งจึงขอให้งดการบังคับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสอง(ลูกหนี้)เด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายต่อไป
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์ และต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง ศาลอุทธรณ์สั่งคำร้องขอถอนฟ้องว่า การถอนฟ้องคดีล้มละลายจะกระทำได้เฉพาะในศาลชั้นต้นเท่านั้นเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์จะมาขอถอนฟ้องในชั้นอุทธรณ์ไม่ได้ ถ้าโจทก์ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยควรที่จะถอนอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์บริษัทยนตรภัณฑ์จำกัด จำเลยที่ 1 และนายกุรดิษฐ์จันทร์ศรีชวาลา จำเลยที่ 2ไว้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 มาตรา 14
จำเลยทั้งสองฎีกา (อันดับ 120)
โจทก์และจำเลยทั้งสองฎีกาคำสั่ง และยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 118,121)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วก็เป็นอำนาจและหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่จะเข้าจัดกิจการและทรัพย์สินของจำเลยต่อไปตามวิธีการที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในพระราชบัญญัติล้มละลาย โจทก์จำเลยขอให้งดการบังคับตามคำพิพากษาไว้ก่อนไม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ