แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยขอให้ศาลสั่งปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกาโดยผู้ขอประกันได้เสนอบัญชีทรัพย์มาพร้อมกับคำร้องแล้ว
หมายเหตุ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ,72,72 ทวิ ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376,91,32,33 ฯลฯ ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน จำคุก 1 ปี ปรับ 6,000 บาทฐานพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในที่ชุมนุมชน จำคุก 6 เดือนปรับ 3,500 บาท ฐานยิงปืนในหมู่บ้านที่ชุมนุมชน ปรับ 500 บาทรวมลงโทษจำคุก 1 ปี 2 เดือน ปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก9 เดือน ปรับ 5,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แล้วจำเลยมีผู้รับรองความประพฤติน่าเชื่อถือได้และไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับในความผิดฐานมีอาวุธปืน ส่วนความผิดฐานพาอาวุธปืน ให้จำคุก 1 ปี สถานเดียวจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน รวมกับโทษฐานมีอาวุธปืนและฐานยิงปืนที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นจำคุก 1 ปีปรับ 250 บาท ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับโดยเห็นว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219(อันดับ 32)
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับเป็นอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ส่งศาลฎีกา (อันดับ 37)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 26)
คำสั่ง
เมื่อศาลฎีกาสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยแล้ว ก็ไม่มีเหตุที่จะปล่อยจำเลยชั่วคราวในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง