แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จึงห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,326,328,83,91ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 เฉพาะจำเลยที่ 1 ให้ประทับฟ้องยกฟ้อง ข้อหาอื่นและจำเลยที่ 2 ที่ 3
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 71)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 72)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงว่า คดีของโจทก์ไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ที่โจทก์ฎีกาว่า ตามข้อนำสืบของโจทก์ฟังได้ว่าคดีโจทก์มีมูลความผิดตามฟ้อง มาตรา 157 นั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา โจทก์ชอบแล้วให้ยกคำร้อง