คำสั่งคำร้องที่ 205/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เล็กน้อย และคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย และพนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยเป็นการไม่ชอบโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 50)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337
ระหว่างพิจารณา นายเยี่ยม มโนรัตน์ ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 337 ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 3,000 บาท แก่ผู้เสียหายคือโจทก์ร่วมนี้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 337 วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 48)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 50)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ร่วมให้เงินแก่จำเลยด้วยความสมัครใจของโจทก์ร่วมเองจึงถือได้ว่าโจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่พนักงานอัยการยื่นฟ้องจำเลยเป็นการไม่ชอบนั้น เป็นโต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ที่ฟังว่าจำเลยข่มขืนใจโจทก์ร่วมให้ยอมให้เงิน 3,000 บาท แก่จำเลย โดยขู่เข็ญว่าถ้าไม่ให้จะฆ่าโจทก์ร่วม ดังนั้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยจึงชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share