แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และลงโทษจำคุกจำเลย ไม่เกินห้าปี ต้องห้ามฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ฎีกาจำเลยเป็นการ โต้แย้งดุลพินิจการฟังพยานหลักฐาน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ยื่นฎีกา จึงไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยไม่ได้มีอาชีพจำหน่ายยาม้า ไม่เคย เกี่ยวข้องหรือเคยถูกลงโทษเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน และฎีกาของ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะต้องรับไว้พิจารณา เพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง,89 จำคุก 5 ปี ริบถุงพลาสติกของกลาง ธนบัตรของกลาง คืนแก่เจ้าของ ส่วนคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 92)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 93)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับ ฎีกาของจำเลยนั้น จำเลยอ้างเพียงว่า จำเลยไม่มีอาชีพจำหน่ายยาม้า ไม่เคยเกี่ยวข้องหรือเคยถูกลงโทษเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อน และฎีกาของจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาจะต้องรับไว้ พิจารณาเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไปดังนี้ เห็นว่า คำร้องของ จำเลย มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านคำสั่ง ศาลชั้นต้นว่าคลาดเคลื่อนไม่ชอบ ด้วยกฎหมายประการใด หรือฎีกาของจำเลยดังกล่าวไม่ต้องห้ามตาม กฎหมายอันควรที่ศาลจะรับไว้พิจารณา จึงไม่รับวินิจฉัยคำร้อง อุทธรณ์คำสั่งของจำเลย ให้ยกคำร้อง