แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และไม่ปรากฏว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้เดือนละเท่าใด แต่เมื่อพิจารณาจากสถานที่ตั้งของที่ดิน เนื้อที่และสภาพของ ที่ดินแล้วอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละ หนึ่งหมื่นบาท จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้และฎีกาจำเลยก็เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องและคำฟ้องโจทก์ขาดอายุความ โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทอีกต่อไป ให้จำเลยไปดำเนินการถอนเรื่องราว การขอรังวัดออกโฉนดที่ดินแปลงพิพาทของโจทก์ หากไม่ดำเนินการ ให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยและให้จำเลย รื้อถอนท่อน้ำที่ต่อจากบ้านจำเลยผ่านที่พิพาทลงสู่แม่น้ำผักไห่ ออกไปจากที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยไปถอนเรื่องขอรังวัด ออกโฉนดที่พิพาท หากไม่ดำเนินการให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา ของจำเลย ให้จำเลยรื้อถอนท่อน้ำที่ต่อจากบ้านจำเลยผ่านที่พิพาท สู่แม่น้ำผักไห่ออกไปจากที่พิพาท และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับที่พิพาทอีกต่อไป
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 190)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 192,193)
คำสั่ง
คดีนี้ราคาทรัพย์สินที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาทศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยฎีกาโต้เถียงว่า ที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย เป็นการฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ให้ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ