แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า ผู้ร้องฎีกา มีทางที่ชนะคดี หากได้มีการทำนิติกรรม จำหน่ายจ่ายโอนหรือก่อภาระติดพันใด ๆ ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ที่พิพาทในขณะนี้แล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อกองทรัพย์สิน ของลูกหนี้ (จำเลย) โปรดมีคำสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ไว้ก่อน
หมายเหตุ ผู้คัดค้านทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 148 แผ่นที่ 2 ถึง 4)
คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำร้อง และแก้ไขคำร้องว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2531 โจทก์ฟ้อง ขอให้จำเลยล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ (จำเลย) เด็ดขาด วันที่ 25 กรกฎาคม 2531 และพิพากษาให้ ล้มละลาย วันที่ 28 กันยายน 2532 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สอบสวนแล้วทราบว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2529 จำเลย ได้จดทะเบียนโอนขายที่ดินโฉนดเลขที่ 97342 ตำบลสีกัน (บ้านใหม่) อำเภอบางเขน (ตลาดขวัญ)กรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถว 3 ชั้นเลขที่ 310/45 ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1 และผู้คัดค้านที่ 2 และในวันเดียวกัน ผู้คัดค้านที่ 1ที่ 2 ได้จดทะเบียนจำนอง ไว้แก่ผู้คัดค้านที่ 3 การโอนขายและจดทะเบียนจำนองที่ดิน และตึกแถวดังกล่าวให้ผู้คัดค้านทั้ง 3ได้กระทำในระยะเวลาห่าง 3 ปี ก่อนมีการขอให้จำเลยล้มละลายเป็นการโอนโดยไม่สุจริต จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 116 ขอให้เพิกถอนการโอนและการจำนองที่ดินและตึกแถว ดังกล่าว หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ให้ ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันใช้ราคาที่ดินและตึกแถวดังกล่าว เป็นเงิน 540,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำคัดค้านว่า ได้รับโอนที่ดิน และตึกแถวพิพาทจากจำเลยโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทน ฯลฯขอให้ยกคำร้อง
ผู้คัดค้านที่ 3 ยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 เป็นลูกค้าของผู้คัดค้านที่ 3 สาขาถนนประพัทธ์ โดยทำสัญญากู้เงินและจดทะเบียนจำนองที่ดินและตึกแถวพิพาทไว้แก่โจทก์เพื่อ เป็นประกัน ผู้คัดค้านที่ 3 ได้จ่ายเงินตามสัญญากู้ ให้แก่ผู้คัดค้านที่ 1ที่ 2 ไปแล้ว การรับจำนองของผู้คัดค้านที่ 3 ได้กระทำโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนจึงควรได้รับ ความคุ้มครองตามกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนการโอนทรัพย์สินที่ดินโฉนดเลขที่ 97342 ตำบลสีกัน (บ้านใหม่) อำเภอบางเขน (ตลาดขวัญ)กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างระหว่างลูกหนี้กับผู้รับโอน ทั้งสองและให้กลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่สามารถกลับคืนสู่ฐานะเดิมได้ก็ให้ผู้รับโอนทั้งสองชดใช้ราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นเงิน 540,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันยื่นคำร้อง (วันที่ 12 กันยายน 2533)เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองระหว่าง ผู้รับโอนทั้งสองกับผู้รับจำนองตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 114 และ 116
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของ ผู้ร้อง
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 147,146)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ห้ามมิให้ผู้คัดค้านที่ 1 และที่ 2 กระทำการจำหน่ายจ่ายโอนหรือทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทในระหว่างฎีกา ให้ศาลชั้นต้น แจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบ