แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของ ก. ย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธา ซึ่ง ก.เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1251 วรรคสอง จึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนดังกล่าวได้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธามีหุ้นส่วน 5 คน เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2532 นายเกษม ตาย เป็นเหตุให้ห้างหุ้นส่วนต้องเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1055(5) ประกอบด้วยมาตรา 1080 และจะต้องตั้งผู้ชำระบัญชีกับจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วน ขอให้ศาลตั้งเจ้าพนักงานในกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม หรือบุคคลอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควรเป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธาต่อไป
ผู้คัดค้านทั้งสองยื่นคำร้องคัดค้านว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธายังไม่ต้องเลิกกันเพราะผู้คัดค้านที่ 1ได้ดำเนินกิจการของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวต่อมาโดยยอมรับซื้อหุ้นของนายเกษมผู้ตายไว้ทั้งหมด สัญญาหุ้นส่วนและกิจการของห้างหุ้นส่วนทั้งหมดจึงยังดำเนินอยู่ต่อไปโดยไม่จำต้องเลิกกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1060 ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ให้เป็นผู้ชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธา
ผู้คัดค้านทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาผู้คัดค้านทั้งสองว่าผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเกษมมีอำนาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธาหรือไม่เห็นว่า ผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของนายเกษมย่อมเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลศรีสุทธาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1251 วรรคสองผู้ร้องจึงมีอำนาจร้องขอให้ศาลตั้งผู้ชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนดังกล่าวได้
พิพากษายืน