คำสั่งคำร้องที่ 1935/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลย ข้อ 2.4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และมาตรา 219 เนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้โทษปรับของคำพิพากษา ศาลชั้นต้นเท่านั้น เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ส่วนฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระสำคัญแก่คดี จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ที่ว่า การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท หรือต่างกรรมต่างวาระกันซึ่งโทษที่จำเลยได้รับย่อมแตกต่างกันและฎีกาข้อ 2.2 ที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 2.4(2.3) นั้น เป็นฎีกาข้อเท็จจริงอื่น นอกเนื้อหาเพื่อให้ศาลฎีกาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษ จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218,219 โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 4,22,40 วรรคหนึ่ง,42 วรรคสอง, 43 วรรคหนึ่งและวรรคสาม,65,67 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งให้ระงับการดัดแปลงอาคาร ปรับ 5,500 บาท ความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร ปรับวันละ 500 บาท นับแต่วันฝ่าฝืนจนกว่าจำเลยจะรื้อถอนอาคาร ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22,65 วรรคหนึ่ง ปรับ4,000 บาท ฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนอาคารตามมาตรา 42 วรรคสอง,65 วรรคสอง ปรับวันละ 500 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท และปรับวันละ 250 บาท ตามลำดับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 22)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 24)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยเฉพาะความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ให้รื้อถอนอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 42 วรรคสอง,65 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าศาลชั้นต้นปรับบทความผิดไม่ถูกต้องและลงโทษสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษหนักไป เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และความผิดฐานนี้ ศาลชั้นต้นลงโทษปรับวันละ 500 บาท ศาลอุทธรณ์แก้เป็นลงโทษปรับวันละ 250 บาท จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ชอบแล้ว
ส่วนฎีกาของจำเลยเรื่องดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มาตรา 22,65 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่พิจารณาลงโทษเป็นการไม่ชอบจำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์ลงโทษหนักไปเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ต้องห้ามให้รับไว้พิจารณา และเรื่องการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันหรือกรรมเดียวเป็นความผิด ต่อกฎหมายหลายบท และฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ล้วนเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยทั้งสิ้น ให้รับไว้พิจารณาเช่นกัน

Share