แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงไม่รับ
โจทก์ทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ในเรื่องค่าเสียหายนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ได้รับชำระเงินจำนวน 9,441 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 9,441 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป และให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดีโดยกำหนดค่าทนายความ1,000 บาทนั้น แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,533 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลเป็นพับทั้งสองฝ่ายนั้น เป็นการแก้ไขมาก อีกทั้งโจทก์ทั้งสอง ก็แสดงหลักฐานและใบเสร็จการเสียเงินของโจทก์ทั้งสองเป็นจำนวนเงินมากกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้ให้แก่โจทก์ทั้งสองโจทก์จึงต้องฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ทั้งสองไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 9,441 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 9,441 บาทนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 1,533 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 90)
โจทก์ทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 92)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้โจทก์ทั้งสองยื่นฎีกาวันที่ 17 กรกฎาคม 2533 โดยท้ายฎีกามีข้อความว่า รอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ของโจทก์ทั้งสองในวันเดียวกับที่โจทก์ทั้งสองยื่นฎีกา ถือว่าโจทก์ ทั้งสองทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2533 โจทก์ทั้งสองยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกา ในวันที่ 16 สิงหาคม 2533 จึงเกินกำหนด 10 วัน ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ