แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลย เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อผู้พิพากษา ที่นั่งพิจารณาไม่รับรองฎีกาของจำเลย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 3 เป็นฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมายเรื่องศาลรับฟังข้อเท็จจริง ผิดจากกระบวนพิจารณาและนำข้อเท็จจริงที่ ไม่ปรากฏในสำนวนมาวินิจฉัยคดี โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่ (อันดับ 58)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 84,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ เจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 82,500 บาท นับแต่ วันที่ 11 พฤษภาคม 2533 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 53)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ แต่มิได้นำเงินค่าฤชาธรรมเนียม ทั้งปวงมาวางศาล และนำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 56)
คำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาโดยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันมาวางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ให้ยกคำร้อง