คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4343/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขอของจำเลยที่ให้ยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในเหตุฉุกเฉินนั้นเป็นคำสั่ง อันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้วคำสั่งเช่นนี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 267 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ในฐานะผู้ถือหุ้นของบริษัทเจริญแสงพาณิชย์ (1959) จำกัด ฟ้องจำเลยทั้งหก ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2533 ระหว่างพิจารณาโจทก์ยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครทำการจดทะเบียนตั้งกรรมการจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งห้ามมิให้นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทเจริญแสงพาณิชย์ (1959) จำกัด เป็นการชั่วคราว
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ห้ามมิให้นายทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครรับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการบริษัทเจริญแสงพาณิชย์ (1959)จำกัด เป็นการชั่วคราว โดยให้จำเลยทั้งหกวางเงินประกันค่าเสียหาย1,000,000 บาท ก่อน และให้จำเลยทั้งหกทำบัญชีรายรับรายจ่ายประจำวันของบริษัทเจริญแสงพาณิชย์ (1959) จำกัด ส่งให้แก่โจทก์ทุก 15 วันต่อครั้งจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำขอของจำเลยทั้งหกที่ให้ยกเลิกคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ได้รับการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาในเหตุฉุกเฉินนั้นเป็นคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของคู่ความในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยทั้งหกมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกเลิกคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว คำสั่งเช่นนี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา267 วรรคสอง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
พิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์

Share