คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 727/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยซึ่งเป็นบุตรของเจ้าหนี้ซึ่งยึดถือนาพิพาทมีโฉนดไว้ทำต่างดอกเบี้ย ได้แจ้งแก่โจทก์ซึ่งเป็นลูกหนี้ว่า มารดาได้ยกนาพิพาทนั้นให้แล้ว จำเลยจะเอาเป็นกรรมสิทธิ์และยอมเพิ่มเงินให้โจทก์ ซึ่งฝ่ายโจทก์ก็ตกลง แต่การโอนทะเบียนขัดข้องจำเลยไม่ได้ให้เงินที่เพิ่มนั้นแก่โจทก์ จำเลยคงครอบครองนาพิพาทตลอดมากว่า 10 ปีแล้ว ดังนี้ถือว่า จำเลยได้เปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองแทนเป็นครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของตั้งแต่แจ้งแก่โจทก์ดังกล่าว จำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอไถ่ถอนนาพิพาทคืน จำเลยต่อสู้ว่า ได้ซื้อจากโจทก์และบุตรครอบครองเป็นเจ้าของมา 14 ปีแล้วได้ความว่า โจทก์ได้มอบนาพิพาทให้มารดาจำเลยทำต่างดอกเบี้ยแล้ว มารดาจำเลยมอบให้จำเลยทำ เมื่อประมาณ 12 ปีมาแล้วจำเลยได้แสดงต่อโจทก์ว่า มารดายกที่รายนี้ให้จำเลยแล้ว จำเลยจะเอาที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์โดยยอมเพิ่มเงินให้โจทก์อีก 250 บาท โจทก์และบุตรผู้มีชื่อในโฉนดก็ยอมตกลง และไปขอโอนโฉนดให้จำเลยแต่ขัดข้องโดยบุตรโจทก์ที่มีชื่อในโฉนดไปไม่ครบเลยไม่ได้โอนกัน และจำเลยไม่ได้จ่ายเงิน 250 บาทให้โจทก์ จำเลยคงครอบครองนาพิพาทและโฉนดมาจนบัดนี้

ศาลชั้นต้นเห็นว่า เป็นการครอบครองแทนโจทก์พิพากษาให้จำเลยรับชำระหนี้ และคืนนาพิพาทให้โจทก์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การครอบครองของจำเลยในตอนหลังตั้งแต่จำเลยได้แสดงเจตนาจะเอาที่พิพาทเป็นสิทธิตลอดมาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เป็นการครอบครองในฐานะเป็นเจ้าของจำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ในตอนแรกแม้จะถือว่าครอบครองแทนโจทก์ แต่จำเลยได้บอกกล่าวแก่โจทก์แล้วว่าจำเลยไม่เจตนาจะยึดถือนาพิพาทไว้แทนโจทก์ต่อไป ซึ่งโจทก์ก็ยอมตกลง เห็นพ้องด้วยศาลอุทธรณ์ว่าการครอบครองของจำเลยภายหลังที่ได้แสดงเจตนาจะเอาที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ดังกล่าว เป็นการครอบครองในฐานะเป็นในฐานะเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผยเป็นเวลากว่า 10 ปี ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 พิพากษายืน

Share